“ทีมกรุ๊ป” เปิดแผน 5 ปี ชูวิสัยทัศน์ “A Regional Solution Provider and Innovative Business Developer” ลุยอัดงบลงทุน 3,000-4,000 ล้านบาท รุกขยายธุรกิจอื่นๆและการลงทุน ทั้งภาครัฐ-เอกชน หวังเพิ่มสัดส่วนผลตอบแทนให้เทียบเท่าธุรกิจงานที่ปรึกษา พร้อมวางเป้าปี 64 รายได้ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโต 10%
ดร.อภิชาติ สระมูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทีมกรุ๊ป เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจภายใน 5 ปีนับจากปี 2564-2568 บริษัทฯได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็น “A Regional Solution Provider and Innovative Business Developer” หรือ ผู้นำธุรกิจที่ปรึกษาและพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมครบวงจรในภูมิภาค เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท สำหรับการขยายงานด้านธุรกิจอื่นๆ และการลงทุนใน Non-Consulting Business ในสาขาที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ (Recurring Income) สร้างผลตอบแทนการลงทุนให้ได้เท่ากับผลตอบแทนจากงานธุรกิจที่ปรึกษา (Consulting Business)
ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินธุรกิจ Non-Consulting Business จะร่วมกับพันธมิตรที่มีประสบการณ์ในแต่ละสาขา นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในโครงการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและผลผลิต ส่วนโครงการที่บริษัทฯให้ความสนใจเข้าไปลงทุน จะเน้นโครงการทั้งของภาครัฐ และเอกชน อาทิ โครงการด้านพลังงานทดแทน ตัวอย่างเช่น โซลาร์รูฟ ที่เป็น Private PPA ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มเข้าไปดำเนินงานแล้ว นอกจากนั้นยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพ ลุยธุรกิจ District Cooling System หรือโครงการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง “เมืองจุฬาฯ อัจฉริยะ” และมีแผนการลงทุนในโครงการผลิตน้ำประปาสำหรับอาคารสาธารณะ หรือ นิคมอุตสาหกรรมฯ และโครงการด้านคมนาคมขนส่ง
ส่วนแผนการลงทุนด้านธุรกิจอื่นๆ (Non-Consulting Business) บริษัทฯ เริ่มดำเนินการไปแล้วในปีนี้ รวมทั้งตั้งทีมสนับสนุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทเตรียมงบไว้ประมาณไว้ราว 200-250 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนโครงการต่างๆไว้ ประมาณ 4-5 โครงการ ทั้งโครงการของภาครัฐ และเอกชน โดยนโยบายการลงทุนของบริษัทฯ หากเป็นโครงการขนาดเล็กหรือกลาง บริษัทฯ จะลงทุนเอง ตัวอย่างเช่น โครงการพลังงานทดแทน โซลาร์รูฟ และโครงการผลิตน้ำประปา เป็นต้น แต่หากเป็นโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการด้านคมนาคมขนส่งของภาครัฐ จะจับมือกับพาร์ทเนอร์ลงทุนร่วมกัน นอกจากนั้นแล้วในปีนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และนำระบบบริหารจัดการเอกสาร มาใช้ทั้งงานออฟฟิศและงานโครงการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการ โดยงบลงทุนที่ใช้ในการติดตั้งระบบดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านบาท
ส่วนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้น บริษัทฯ ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เนื่องจากบริษัทมีการปรับตัวได้เร็วขึ้น โดยบริษัทกำหนดมาตรการ Work From Home ให้กับพนักงานบางส่วน รวมถึงการจัดทำแผน BCP และการปรับแผนธุรกิจใหม่ แม้จะมีบางโครงการเลื่อนเปิดตัวช้าออกไปบ้าง แต่ในแง่ของการลงทุนลูกค้าโครงการโดยเฉพาะภาครัฐยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หากวัคซีนได้ผลดีจะทำให้สถานการณ์โดยรวมผ่อนคลายมากขึ้น
สำหรับงานโครงการใน สปป.ลาว. ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งมีค่าจ้างที่ปรึกษาประมาณ 300-400 ล้านบาท คาดว่าจะมีข่าวดีลงนามสัญญาภายในไตรมาส 2 ปีนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บริษัทฯ รุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2563 นี้จะมีรายได้ทรงตัวเทียบกับปี 2562 ทั้งนี้ในปี 2564 มีปัจจัยบวกมาจากโครงการที่เลื่อนมาเริ่มดำเนินงานในปีนี้ ขณะที่การลงทุนด้านพลังงานทดแทน โซล่าร์รูฟ คาดว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้บริษัทให้เป็นไปตามเป้า 1,800-1,900 ล้านบาท ที่วางไว้ เนื่องจากการลงทุนใช้ระยะเวลาสั้น แต่ทำรายได้นานถึง 10 ปี
บริษัทฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ ภายใน 5 ปี โดยมีเป้าหมายเป็น “A Regional Solution Provider and Innovative Business Developer” เน้น 2 ส่วนหลัก คือ 1. “Solution provider” คือ นอกจากจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าแล้วยังจะเน้นให้คำปรึกษา ศึกษา ออกแบบ รวมทั้งจะช่วยพัฒนาก่อสร้างโครงการจนแล้วเสร็จ รวมถึงการให้บริการต่อเนื่องไปจนถึงเรื่องการดำเนินการปฏิบัติการและการบำรุงรักษาให้ลูกค้าด้วย 2. “Innovative Business Developer” การผันตัวเองเป็นผู้พัฒนาโครงการเองมากขึ้น โดยเน้นโครงการที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่ได้เริ่มดำเนินการคาดว่ารายได้รวมขององค์กรจะเติบโตขึ้น 10% ต่อปี และที่สำคัญจะมีส่วนทำให้บริษัทฯ มีผลตอบแทนสูงขึ้นอย่างยั่งยืนแน่นอน” ดร.อภิชาติ กล่าว